ดูบทความ
ดูบทความใครชอบนอนฟุบโต๊ะ ระวังจะเจอโรคนี้
ใครชอบนอนฟุบโต๊ะ ระวังจะเจอโรคนี้
Saturday night palsy
โรคชาปลายแขน โรคที่นักดื่มควรรู้จัก
ใครที่ชอบนอนฟุบโต๊ะแล้วตื่นขึ้นมามีอาการชาปลายมือ ข้อมือตก กระดกมือไม่ขึ้นอยู่เป็นระยะกันบ้าง ถ้ามีอาการ 1 ใน 3 ที่กล่าวมาละก็ บทความนี้จะช่วยชีวิตคุณได้ครับ
เมื่อพูดถึงอาการชาปลายมือ และแขนอ่อนแรงบรรดาหมอหรือนักกายภาพจะเพ่งเล็งไปว่า น่าจะเกิดจากกระดูกคอเสื่อมจนทรุดตัวแล้วไปทับกับเส้นประสาท ซึ่งโดยส่วนมากมักพบในคนอายุ 40 ปีขึ้นไป แต่ยังมีอีกโรคที่มีอาการคล้ายๆกันจนสร้างความสับสนให้กับตัวผู้ป่วยและหมอในบางครั้งได้เช่นกัน นั่นคือ โรค Saturday night palsy
โรค Saturday night palsy เกิดจากเส้นประสาท radial nerve ที่อยู่ตรงปลายแขน (ตรงจุดที่เราชอบใช้ท่อนแขนหนุนหัวตอนเราฟุบหลับคาโต๊ะนั่นแหละ) ถูกกดทับเป็นเวลานาน จนทำให้เส้นประสาทชํ้า และเสียหายบางส่วน จนเกิดอาการชาที่ปลายแขนในที่สุด ซึ่งโรคนี้พบได้บ่อยในนักดื่มตามผับ บาร์ที่ดื่มหนักจนเมาแอ๋แล้วฟุบหลับคาโต๊ะ แล้วหลับลึกด้วยฤทธ์ของแอลกอฮอล์ทำให้อาการชาที่ค่อยเป็นไม่สามารถกระตุ้นให้นักดื่มตื่นได้ และเมื่อตื่นมาก็รู้สึกว่ากระดกข้อมือไม่ขึ้นร่วมกับมีอาการชาเรียบร้อยแล้ว
สาเหตุของโรค Saturday night palsy
ที่ได้ชื่อโรค Saturday night palsy เนื่องจากว่า คืนวันเสาร์ฝรั่งชอบไปเที่ยวสังสรรค์ดื่มเหล้าเที่ยวผับหลังจากที่ทำงานเหนื่อยมาทั้งอาทิตย์ คืนนี้จึงขอจัดหนักซะหน่อยดื่มมันให้เต็มที่ มีเหล้ากี่ขวดจัดมาให้หมดไม่เมาไม่เลิก จนฟุบหลับคาวงเหล้าไป แต่โต๊ะมันแข็งไปรองหัวตัวเองไม่ถนัดหมอนก็ไม่มีเลยใช้แขนตัวเองเนี่ยแหละหนุนศีรษะ จากนั้นก็หลับยาวโดยหารู้ไม่ว่าการนอนทับท่อนแขนตัวเองอย่างงั้นทำให้เส้นประสาท radial nerve ถูกกดทับจนอักเสบขึ้น และเมื่อตื่นมาพบว่ามีอาการชาแขนข้างที่ตนเองใช้หนุนศีรษะกันเป็นจำนวนมาก จึงเป็นที่มาของชื่อโรค Saturday night palsy นั่นเอง
นอกจากนี้ไม่ได้มีเฉพาะในนักดื่มนะ นักเรียนนักศึกษาก็มีโอกาสเ)็นโรคนี้ได้เช่นกันจากที่นั่งฟังอาจารย์สอนจนฟุบหลับคาโต๊ะเรียน แต่อาการโดยรวมไม่รุนแรงเท่ากับนักดื่ม เพราะในนักดื่มเมื่อเมาหนักจะหลับลึกกว่าจนทำให้ไม่รับรู้ถึงอาการชาที่เกิดขึ้น
ภาพแสดงตำแหน่งเส้นประสาท radial ที่แขน
radial nerve คืออะไร?
เส้นประสาท radial nerve คือเส้นประสาท 1 ใน 3 ของเส้นประสาทแขนงใหญ่ของแขนโดยวิ่งออกมาจากรากประสาทคอ เข้าสู่ไหปลาร้า ออกจากรักแร้ รอดใต้วงแขน มาสู่ท่อนแขนด้านบน (จุดที่เราใช้แขนหนุนศีรษะขณะนอนฟุบโต๊ะ) และไปสิ้นสุดที่ปลายนิ้วโป้งและนิ้วชี้ ซึ่งหน้าที่หลักของเส้นประสาทนี้คือ ควบคุมกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่กระดกข้อมือขึ้น ถ้าใครที่โรค Saturday night palsy ก็จะมีอาการชา กระดกข้อมือไม่ขึ้น เหยียดนิ้วชี้และนิ้วโป้งไม่ได้ แต่ยังคงกำมือ งอศอกเหยียดศอกได้ตามปกติครับ
ภาพแสดงอาการข้อมือตกเมื่อเทียบกับข้างปกติ
อาการของโรค Saturday night palsy
แบ่งความรุนแรงได้ 3 ระดับ
1) ระดับเบา :
เส้นประสาทถูกกดทับที่ส่วนปลายมากๆ หรือถูกกดทับไม่นาน อาจมีอาการแค่ชาปลายนิ้วโป้งนิ้วชี้ แต่ยังคงใช้งานได้ตามปกติ ไม่นานอาการชาก็หายไปเองได้ ไม่ต้องเข้ารับการักษาใดๆ
2) ระดับปานกลาง :
ตื่นขึ้นมากระดกนิ้วชี้นิ้วโป้งไม่ได้ แต่ยังคงกระดกข้อมือขึ้นได้บ้าง กำมือ เหยียดแขน ยกแขนได้ตามปกติ มักไม่มีอาการชา แต่จะมีอาการปวดบริเวณข้อศอกด้านนอกร้าวมายังนิ้วชี้นิ้วโป้ง ซึ่งใช้เวลา 2-3 ช.ม.อาการก็หายเป็นปกติ
3) ระดับรุนแรง :
ตื่นขึ้นมากระดกนิ้วชี้และนิ้วโป้งไม่ได้ กระดกข้อมือไม่ได้ พนมมือไม่ได้ มีอาการข้อมือตก ยกมือไหว้ไม่ได้ เขียนหนังสือไม่ถนัด มีอาการชาที่หลังมือ นิ้วโป้งและนิ้วชี้ร้าวมาที่ต้นแขนด้านนอก แต่ยังคงกำมือ เหยียดแขน ยกแขนได้ตามปกติ (เพราะเส้นประสาทคนละเส้นกันจึงยังคงกำมือได้อยู่) ถ้ามีอาการเหล่านี้จะใช้เวลานานกว่าจะหายเป็นปกติอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ แต่ถ้ารุนแรงมากอาจใช้เวลา 3-4 เดือน บางรายอาจใช้เวลานานกว่านั้น คือ 8-12เดือน และต้องพิจารณาการผ่าตัดด้วย สิ่งที่เราจะพบเห็นได้อีกอย่างหนึ่งสำหรับคนเป็นระยะนี้คือ กล้ามเนื้อแขนบริเวณจุดที่ชานั้นจะมีการฝ่อลีบเมื่อเทียบกับข้างปกติ
การรักษา สำหรับผู้ที่เป็น Saturday night palsy
ถ้าเป็นในระดับ 1 และ 2 ไม่ต้องเข้ารับการรักษาครับ สามารถหายได้เอง แต่ในระดับ 3 แพทย์จะกระตุ้นไฟฟ้าที่กล้ามเนื้อแขนเพื่อตรวจดูความเสียหายของเส้นประสาท และอาจมีการผ่าตัดเล็กๆเพื่อตัดผังพืดที่เส้นประสาทออก ใครที่เป็นถึงระดับนี้อาจจะต้องบอกให้ทำใจสักเล็กน้อยว่ายังไม่มีวิธีการรักษาใดที่ทำให้กลับมาหายเป็นปกติได้ในเร็ววัน ต้องรอให้เส้นประสาทมันงอกทดแทนเส้นประสาทเดิมที่เสียหายไปวันละ 1 มิลลิเมตร อ่านไม่ผิดหรอกครับ 1 มิลลิเมตรต่อวัน ถ้าอยากรู้ว่าจะหายเมื่อไหร่ก็ลองเอาไม้บรรทัดทาบตรงจุดที่เริ่มต้นชาจนถึงปลายนิ้วชี้ได้กี่มิลลิเมตรก็คือจำนวนวันที่คุณจะหายดีแหละครับ
บางท่านอาจจะเห็นนักกายภาพใช้ไฟฟ้ากระตุ้นกล้ามเนื้อตรงจุดที่ชาหรือตรงจุดที่กล้ามเนื้อมันฝ่อ แล้วคิดว่าการกระตุ้นไฟฟ้ามันช่วยให้เส้นประสาทมันงอกเร็วขึ้น จริงๆแล้วไม่ใช่ครับ การกระตุ้นไฟฟ้าเพื่อชะลอการฝ่อลีบของกล้ามเนื้อเท่านั้นเอง เพราะการที่เส้นประสาทไม่ส่งสัญญาณประสาทมาเลี้ยงที่กล้ามเนื้อจะทำให้กล้ามเนื้อฝ่อได้ และเพื่อให้กล้ามเนื้อมันฝ่อช้าที่สุดจึงต้องกระตุ้นไฟฟ้าเข้าไปที่กล้ามเนื้อมัดนั้นรอเวลาที่เส้นประสาทงอกมาใหม่นั่นเองครับ
ทีนี้ถ้าใครจะไปดื่มไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูง ดื่มแต่พอประมาณนะครับ ถ้าเป็นโรคนี้ขึ้นมาจริงๆการดำเนินชีวิตจะลำบากน่าดู หรือคิดว่าคืนนี้ฉันเมาแน่ๆคงต้องหลับคาโต๊ะชัวๆ แบกหมอนไปสักใบก็ดีเหมือนกันนะ^^
เครดิตภาพ
- http://ergomomma.com/2012/10/11/thursdays-stretch-radial-nerve-the-third-amigo/
- http://www.thaimgreen.com/%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99/
- https://soclaimon.wordpress.com/2015/06/29/page/8/
13 มิถุนายน 2559
ผู้ชม 26620 ครั้ง
แสดงความคิดเห็น